อัพเดท 2023-05-22
MoneyDLife-ธปท.เผยผลการดำเนินงานธนาคารพาณิชย์ไตรมาศแรกของปี 2566 โดยรวมปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ชะลอลงมาโตแค่ 0.5% ด้าน NPL ลดลงเหลือ 2.68% ระบุธปท. อยู่ระหว่างการหารือกับสถาบันการเงินเกี่ยวกับการทบทวนโครงสร้างค่าธรรมเนียมทั้งหมด ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการกดเงินไม่ใช่บัตรด้วย โดยหลักการคือจะต้องมีความเหมาะสม และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และต้องส่งเสริมการใช้ Digital Payment รวมถึงต้องคำนึงถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จะต้องเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ปรับตัวดีขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นสุทธิกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินรับฝากและ การนำเงินส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟู้และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF )กลับสู่ระดับปกติ ประกอบกับกำไรจากสินทรัพย์ทางกาเรงิน ตราสารอนุพันธ์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หากเทียบไตรมาสก่อน กำไรสุทธิลดลง 4% จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับไตรมาสก่อนมีรายได้พิเศษจาก การขายและโอนพอร์ตสินเชื่อรายย่อย แม้ค่าใช้จ่ายสำรองและค่าใช้จ่ายดำเนินงานจะปรับลดลง
สินเชื่อยังขยายตัวได้จากธุรกิจรายใหญ่ในภาคการเงินและพาณิชย์ รวมทั้งสินเชื่อรายย่อยพอร์ตที่อยู่อาศัย และสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นสำคัญ ด้านคุณภาพสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์มีการบริหารจัดการคุณภาพหนี้และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan: NPL หรือ stage 3) ณ ไตรมาส 1 ปี 2566 ลดลงมาอยู่ที่ 498.0 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 2.68 %
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 ปรับดีขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น สุทธิกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินรับฝากและ FIDF Fee กลับสู่ระดับปกติ ประกอบกับกำไร FVTPL จากตราสารอนุพันธ์เป็นสำคัญ แม้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายสำรองจะเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิลดลง 4.0 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับไตรมาสก่อนมีรายได้พิเศษจากการขายและโอนพอร์ตสินเชื่อรายย่อย แม้ค่าใช้จ่ายสำรองและค่าใช้จ่ายดำเนินงานจะปรับลดลง
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มครัวเรือนเปราะบางที่รายได้ ฟื้นตัวช้าและมีหนี้สูง และการฟื้นตัวของธุรกิจบางกลุ่ม โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ทรงตัวจาก ไตรมาสก่อน ขณะที่ภาคธุรกิจ สัดส่วนหนี้สินภาคธุรกิจต่อ GDP ปรับลดลงต่อเนื่อง ด้านความสามารถในการทำกำไรปรับลดลง แต่ฐานะการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยยังต้องติดตามผลกระทบจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอลง และบางธุรกิจที่อ่อนไหวต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในช่วงที่ผ่านมาสถาบันการเงินยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง
สำหรับความคืบหน้าในเรื่องการทบทวนโครงสร้างการคิดค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ว่า ขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างการหารือกับสถาบันการเงินเกี่ยวกับการทบทวนโครงสร้างค่าธรรมเนียมทั้งหมด ซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการกดเงินไม่ใช่บัตรด้วย โดยหลักการคือจะต้องมีความเหมาะสม และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และต้องส่งเสริมการใช้ Digital Payment รวมถึงต้องคำนึงถึงความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จะต้องเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย โดยการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีการกำหนดกรอบเวลาไว้แต่อย่างใด